ramdom08.jpg

คุณ ไพบูลย์ แก่นดี


สวัสดีครับกลับมาพบกับ Thailand One Voice Interview อีกครั้ง   วันนี้ผมจะพาไปพบกับบุคคลผู้มีส่วนร่วมก่อตั้งนิเวศอธิษฐานในประเทศไทย  และนำไปสู่การฟื้นฟูในด้านการนมัสการในระดับแนวหน้า   จะมีความน่าสนใจขนาดไหนมาพบกันเลยครับ

 Henry : แนะนำตัวด้วยครับ

กบ : ผมไพบูลย์ หรือกบครับ  ปัจจุบันเป็นสตาฟที่คริสตจักร สดุดี เชื่อพระเจ้า 1987 ปัจจุบันเป็นทีมงานของนิเวศอธิษฐานและรับใช้ในการนมัสการและนำนมัสการครับ

 Henry : รับใช้ด้านการนัมสการ   เล่นดนตรีอะไรเป็นหลักครับ

กบ : ผมเล่นได้ทุกชิ้นนะ  คือเริ่มเล่นดนตรีด้วยตนเอง   ย้อนกลับไปก่อนว่าสมัยก่อนต่างกับสมัยนี้ คือ มีแค่กีต้าร์ตัวเดียว สมัยก่อนผมเชื่อนี่อยู่ที่โบสถ์ตลอด   สมัยก่อนค่าเรียนดนตรีแพงมาก  แถมหาเรียนยากมาก ไกลมาก เดินทางไม่สะดวก ก็เลยต้องเรียนรู้เอง  ฝึกมาจากการแกะเพลงก่อน   ผมเริ่มเล่นดนตรีชิ้นแรกเลย คือ ขลุ่ย   มาโบสถ์นี่ก็เพราะรักดนตรี   มาๆ ดูบ่อยจนได้ฝึกเล่นกลอง  เล่นมาเรื่อยนานจนเป็น และต่อมากีต้าร์  เบสเล่นมา 2-3 ปี   สุดท้าย ก็คีย์บอร์ด เล่นจริงจัง 6-7 ปี    ผมว่านักดนตรีต้องชอบที่จะเล่นทุกอย่าง  เริ่มมีการแต่งเพลงนมัสการก็ฝึกฝนพัฒนาเรื่อยมาจนปัจจุบัน

Henry : เริ่มแต่งเพลงมานานหรือยังครับ แล้วมีหลักอย่างไรบ้าง

กบ : ผมแต่งเพลงมานานแล้วล่ะ   มีร่วมกับ Footprint อย่างเพลง  “มาเร็วมาร้อง” ผมก็แต่งออกมา   ช่วงแรกๆ ช่วยๆกันทำเพลง   มีเพลงแต่งกันเองอยู่ 4 เพลง มีพี่เลี้ยงอย่างคุณเหวิน  หรือแดนนี่  เวลาออกเทปเราก็มาขายเองในคริสตจักรสดุดี ก็มีหลายเพลงนะ ที่ได้มาใช้บ้าง ไม่ได้ใช้บ้าง  

ส่วนตัวผมเริ่มทำมาพร้อมกับคุณบงกช    แต่คุณบงกชเค้าไปได้เร็วกว่า  เค้าทำได้ดี  ทุกวันนี้ก็ยังแต่งเพลงอยู่  นำเอามาใช้ในบางโอกาส  เพลงบางเพลงผมเริ่มจากทำนอง บางทีก็เนื้อร้อง   แต่หลักๆ อยู่ที่อารมณ์   บางครั้งตอนนอนหลับ พระเจ้าก็ให้ถ้อยคำ หรือทำนอง มาทำมาขยายต่อ   หรือบางทีเล่นๆ กีต้าร์ มีทำนองดีๆ ที่เพราะ ก็ต้องรีบอัดเสียงเก็บไว้ เรื่องของการแต่งเพลง   มันไม่มีหลักการตายตัว  แล้วแต่อารมณ์   ตอนนี้เพลงใหม่ๆ จะมาจากการนมัสการที่นิเวศอธิษฐาน

Henry : รบกวนช่วยอธิบายหน่อยครับว่าอะไรคือนิเวศอธิษฐาน

กบ : นิยามของนิเวศอธิษฐาน คือ สถานที่ซึ่งเรามาอยู่รวมกัน   และมาเห็นด้วยในสิ่งที่พระองค์จะกระทำในน้ำพระทัยพระเจ้าที่กระทำในประเทศไทย    ต้นกำเนิดนี่มาจากในพระธรรมวิวรณ์ เป็นคำอธิษฐานที่ถูกเทลงมา    และเมื่อถึงเวลา พระเจ้าจะตอบ  สิ่งนี้เป็นสิ่งสำคัญมาก และมีบทบาทต่อประเทศไทย  

เมื่อพระเจ้าทรงนำให้เริ่มต้น เมื่อ 3 ปีที่แล้ว แต่เริ่มจริงเมื่อปีกว่า   เราเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างๆ   ผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในการนมัสการ    รวมทั้งได้เห็นพระพร   คนที่มาเขาร่วมได้รับพระพรมากมาย มีคนเห็นนิมิต   คนตกงาน คนมีภาระ  เมื่อมาแล้วพระเจ้าก็อวยพรเค้า  ได้เห็นการฟื้นฟูในเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้น     มีการร่วมกันทำงานของทีมนมัสการมีมากขึ้น และสำคัญมาก นิเวศ  คือ คำตอบของการประกาศ   ได้เห็นบรรยากาศฝ่ายวิญญาณดีขึ้นอย่างชัดเจน

กบ :  นิเวศอธิษฐาน คือ จุดที่พระเจ้าต้องการให้เกิดความบันเทิง  พระเจ้าเปิดเผยกับผมว่า นิเวศของพระเจ้าเป็นเรื่องของความบันเทิง  เพราะพระเจ้าทรงรู้นิสัยของเรา   การที่เราทำอะไรนานๆ จะน่าเบื่อ  มันจะทำได้ไม่นาน  แต่ถ้าเราทำให้เป็นเรื่องสนุกมันจะอยู่ได้นาน   และพระเจ้าทรงนำผมในตอนที่ไป IHOP (International House Of Prayer)  ที่แคนซัส  ซึ่งต่างจากภูเขาอธิษฐานที่เกาหลีที่เค้ามาวิงวอนอย่างคร่ำครวญกับพระเจ้า

ที่ IHOP คนที่เข้ามาใน นิเวศมีแต่วัยรุ่น  มานมัสการ มีการเต้นโลด  ผมเชื่อว่าถ้าเราจะให้ทุกคนร่วมกัน  เราต้องทำให้มันสนุกสนานและบันเทิง  บางคนอาจรับยาก  ผมว่ามันต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป  ตอนนี้ หลักๆ ก็มี ผม กลุ่มพันธกิจแม่น้ำ คริสตจักรใจสมาน คริสตจักรบ้านพระคุณ  มีทั้งช่วงที่ดาวน์และขยายเต็มที่   เราเห็นว่าพระเจ้าใช้นิเวศอธิษฐานจริงๆ  เรากำลังขับเคลื่อนประเทศหลักผ่านการอธิษฐาน เผื่อพระมหากษัตริย์ เศรษฐกิจเมืองไทย และอิสราเอลผ่านนิเวศอธิษฐาน

Henry : ครับ อยากทราบว่าทำไมเราต้องอธิษฐานเผื่ออิสราเอลด้วยครับ

กบ :   อย่างนี้ครับ   ในการเชื่อมต่อกับอิสราเอล  พระเจ้าทรงอวยพรผู้ใดก็ตามที่อวยพรอิสราเอล  และพระเยซู

พระองค์เองก็เป็นยิว และทรงยอมตายเพื่อข่าวประเสริฐ   เปาโล, เปโตร  ก็อิสราเอล   ถ้าไม่มีพวกเค้า  ก็ไม่มีเรา  แม้อิสราเอลจะกบฏจากพระเจ้า  แต่ถ้าเค้าไม่กบฏ  ผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่าข่าวประเสริฐจะมาถึงเรามั้ย   เรามองว่าเค้าเป็นพี่ของเราในฝ่ายวิญญาณ   เราจึงต้องอธิษฐานเผื่อเค้าให้เค้ากลับไปหาพระเจ้า    เมื่อเค้ากลับใจใหม่และมาเชื่อพระเจ้าทุกอย่างกลับมาสมบูรณ์  หนุนใจให้อ่านหนังสือที่ชื่อ “ชนชาติของท่านจะเป็นชนชาติของฉัน”   ในนั้นจะอธิบายอย่างละเอียด   ปัจจุบันก็เห็นอิสราเอล กลับมาเชื่อพระเจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ   คอนเซ็ปท์หลักๆ เค้าเป็นผู้นำข่าวประเสริฐมาถึงเรา เรารักเค้าเราถึงอยากให้เค้ากลับมาหาพระเจ้า  เพื่อความสมบูรณ์ในฝ่ายวิญาณ

ผมเองก็รับเรื่องอิสราเอลมานาน  ตอนนี้มีการนำเพลงอิสราเอลมาใช้มาก    ผมว่ามันเป็นเรื่องของรสนิยมของผู้นำนมัสกา กับนักดนตรี   แต่ผมเชื่อว่าพระเจ้าไม่ได้ให้เรานำเพลงอิสราเอลมาพลิกฟื้นประเทศไทย ส่วนตัวผมเชื่อแบบนี้มาตลอด   บางเพลงก็ดี  บางเพลงก็ไม่เหมาะสมกับคนไทย    เพลงที่สามารถเข้าถึง คนไทยก็ คือ เพลงไทยที่มาจากมือคนไทย    และพระเจ้าทรงเปิดเผยผู้นำนมัสการคนไทยหลายๆ คน   ค่ายเพลงไทยที่หลักๆ ยังทำอยู่ เช่น YWAM หรือ อย่างบงกช   ผมเองก็เพลงไทยนำมาใช้ และขณะเดียวกันผมใช้เพลงแปลน้อยลง    เราต้องเดินตามคำเผยพระวจนะที่ว่า เราต้องเคลื่อนประเทศนี้ด้วยเพลงไทย   และอยากหนุนใจเหล่าผู้นำและนักแต่งเพลงที่พระเจ้าทรงตรัสกับพวกเค้าว่าให้ใช้เพลงไทยเคลื่อนประเทศนี้เราต้องกลับมาสู่ตัวตนของเราเอง  ดนตรีแบบคนไทยที่รับได้  ครั้งนึง ผมเคยนำนมัสการที่ใจสมานด้วยเสียงขลุ่ย  เห็นคนร้องไห้  พระเจ้าทรงแตะใจเค้าได้ผ่านดนตรีไทย ถึงเวลาที่เราต้องเอาดนตรีไทยมาแตะใจคนไทยด้วยกัน

Henry : มองภาพการนมัสการในตอนนี้และต่อไปเป็นอย่างไรครับ

กบ :  ปัจจุบันและอนาคต  ในวงการนมัสการ  ตอนนี้ ยังมีน้อยมากที่ขับเคลื่อนด้วยพระเจ้า   เรายังติดที่รูปแบบอยู่ ใน 5-6 ปีข้างหน้าเราก็คงจะดีขึ้น   แต่ก็ยังอิงกับการใช้เพลงแปลอยู่    นอกจากจะมีการกล้ารับสิ่งใหม่ๆ ส่วนตัวผมๆ อยากจะรับสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา  ผมเชื่อว่าการเป็นตัวของเราดีที่สุด  เป็นตัวของเราเองดีที่สุด แล้วในพระเจ้าจะนำคุณไปยังแผนการของพระเจ้าในชีวิตคุณ   

กบ :   การนมัสการในช่วงแรกเราเอาเพลงแปลมาใช้   แต่ผมว่าเราต้องเป็นของเราเอง จุดสำคัญของการนัมสการวันอาทิตย์ คือ การมาปลดปล่อยวิญาณคน   ต้องเป็นการนมัสการไม่ใช่คอนเสิร์ต  ผมเชื่อการนมัสการพระเจ้าไม่มีกรอบ  อย่าตีกรอบให้กับพระเจ้า  สิ่งนี้สำคัญมาก   ผมเริ่มฉีกกรอบในการนมัสการมาสักพักละ   บางครั้งผมเริ่มนำจากเพลงช้า   หรือบางทีไม่มีเพลงก็รับพระวิญาณ   ขึ้นกับพระวิญาณบริสุทธิ์ให้นำเราไป ณ เวลา นั้น 

ผู้นำนมัสการและ ศิษยาภิบาล ต้องเปิดกว้างในการทรงนำของพระเจ้า  จะต้องรับกับสิ่งที่พระวิญญาณจะนำและต้องการ   การนมัสการที่มาจากการเจิมของพระเจ้าจะนำมาซึ่งการปลดปล่อยจิตวิญญาณคนคนเมื่อเข้ามาในการทรงสถิต จะได้รับการปลดปล่อย   รูปแบบการนมัสการที่ผมเห็นในปัจจุบันเอง ก็มีหลายแบบ เช่น การเฉลิมฉลอง, การรักษา,  การทำศึกสงคราม, การแช่ตัว  แต่ผมเชื่อว่า  ต่อไปพระเจ้าจะมีรูปแบบเพิ่มมากขึ้น    อย่างตอนนี้ผมเชื่อว่าพระเจ้านำเราในรูปแบบของสงคราม เนื่องจากเรากำลังอยู่ในสงคราม ฝ่ายวิญาณ

มุมมองของผมกับพระเจ้าแล้วแต่  บางครั้งก็เหมือนเจ้าสาว  ซึ่งเล็งถึงความบริสุทธิ์  พระเจ้าอยากให้เรามีมุมมองในหลายๆ แบบ   ผมเชื่อว่าการนมัสการยังมีขั้นต่อไปที่สูงขึ้นเรื่อยๆ และจะไปถึงสิ่งเหล่านั้นได้คือการเปิดใจ  อย่ายึดติดกับแบบเดิมๆ   เปิดใจให้กว้างมากๆ  พระเจ้าจะทำสิ่งใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ  ผมบอกกับพระเจ้าเสมอว่าไม่พอใจกับสิ่งเดิมๆ เราต้องหิวกระหายพระเจ้ามากขึ้น  และถ้าเราเปิดใจแบบนี้ เราจะเห็นการฟื้นฟูที่มากขึ้น   ผ่านประเทศไทยในยุคสมัยของเรา

Henry :  แล้วกับโครงการ Thailand One Voice ละครับ?

กบ :   Thailand One Voice  ผมสนับสนุนนะครับ   แต่เนื่องจากในแต่ละคริสตจักรเองก็มีบุคลากรที่เก่งก็ทำให้เป็นปัญหาและเนื่องจากการที่หลายคริสตจักรร้องเนื้อเพลงเนื้อเดิมๆ มานาน ถ้าเราเอาของใหม่เข้ามา  ก็มีคนที่ไม่รับเพลงที่แปลมาเหมือนกันแต่ก็เชื่อว่าจะดีขึ้น

ผมเสนอว่าต่อไปเราอาจต้องเปลี่ยนรูปแบบ   เอาเพลงใหม่มาทำก่อนที่จะมีใครแปล  เพื่อเป็นการอุดช่องว่างในปํญหาการที่แปลเพลงซ้ำซ้อน   นำเพลงใหม่และรีบแปลและกระจายให้เร็วที่สุด   ผมเชื่อว่าแต่ละ คริสตจักร  ถ้ามีเพลงแปลที่ดีแล้วเค้าจะนำมาใช้และไม่แปลซ้ำอย่างแน่นอน    ส่วนตัวก็ยินดีในการสนับสนุนอย่างแน่นอน   ในรูปแบบที่ผมเสนอ  ถ้าทำเป็นซีดีไม่สะดวก   ผมก็แนะนำว่าทำเป็นเพลงแล้วลง youtube  ให้คนมาโหลด   เน้นการร้องถูกต้องและวิธีนี้สะดวกในการนำไปกระจาย นี่ผมเสนอเป็นแนวทางสำหรับ   Thailand One Voice ต่อไปนะครับ

                จบแล้วครับสำหรับ Thailand One Voice Interview สำหรับพระพรนี้อาจจะยาวสักหน่อยแต่เชื่อว่าจะนำมาซึ่ง ความเข้าใจและประโยชน์แก่ทุกคนนะครับ  แล้วพบกันใหม่นะครับ  God Bless